ธรรมชาติที่สวยงาม

ปฏิทินของหนูเองค่ะ

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

ชมธรรมชาติ ณ ปางอุ๋ง


ปางอุ๋ง หมู่บ้านรวมไทย โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)
มีคำอธิบายถึงที่มาของชื่อ “ปางอุ๋ง” ไว้ว่า “ปาง” หมายถึงที่พักของคนทำงานในป่า ส่วน “อุ๋ง” นั้นเป็นภาษาเหนือหมายถึงที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่มีน้ำขัง ก็น่าจะหมายถึงที่พักริมอ่างเก็บน้ำนี่เอง และที่สร้างชื่อให้ที่นี้โด่งดังไปทั่ว ก็ด้วยบรรยากาศที่สวยงามจับใจ โดยเฉพาะบรรยากาศของอ่างเก็บน้ำธรรมชาติอันกว้างใหญ่ปานประหนึ่งทะเลสาบ ย่อมๆ ขนาบข้างไปด้วยขุนเขา ภาพเงาสะท้อนของขุนเขาและป่าสนที่ได้เห็นจากอ่างเก็บน้ำนั้นไม่ว่าดูในช่วงเวลาไหนก็สวย และถ้าเป็นช่วงเช้ายามหน้าหนาว ที่นี่จะถูกปกคลุมด้วยสายหมอกไปทั่ว และที่ลอยอ้อยอิ่งเรี่ยผิวน้ำ ยิ่งเวลาที่พระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขาขึ้นมาแล้วสาดลำแสงทะลุหมอกผ่านเข้ามาในอ่างน้ำ อาบให้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งอ่างน้ำ ไอหมอก สายหมอกกลายเป็นสีทองนั้น สวยงามมากจนเกินบรรยาย
ก่อนหน้านั้นพื้นที่นี้เป็นป่าเสื่อมโทรม เนื่องจากเป็นสถานที่ทำไร่ฝิ่นของชาวเขา จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาเยือนในปี พ.ศ. 2522 พระองค์ท่านได้มีพระราชดำรัสให้จัดทำโครงการพระราชดำริขึ้น โดยอาศัยความสมัครใจของชาวบ้าน และให้ทหารเป็นผู้ดูแลเพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นชายแดน ปัจจุบันปลูกพรรณพืชดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสันโดยรอบและสมุนไพรที่เป็น ประโยชน์ในด้านอาหารและแพทย์แผนไทย ซึ่งมีความกลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศบนที่สูงและอากาศเย็น พร้อมบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์ประจำถิ่นซึ่งกำลังจะสูญพันธ์อย่างเขียดแลว เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติและความสงบเงียบ “ตอนนั้นมีผู้สมัครใจ 23ครัวเรือน เท่านั้น แต่ต่อๆมาเมื่อชาวบ้านเห็นเพื่อนบ้านที่เข้าร่วมโครงการไปได้ดีก็มาเข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น ส่วนโครงการปางอุ๋งนั้นเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2546 เพื่อให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมกับโครงการมากขึ้น ทั้งการเป็นผู้ดูและบ้านพัก ดูและสวน ขายกาแฟ สินค้าทางการเกษตร ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะมีคนนิยมมาเที่ยวกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวจะมีคนมาพักที่ปางอุ๋งกันเป็นจำนวนมาก"
นอกจากชมบรรยากาศของสายหมอกในยามเช้าที่ ปางอุ๋ง แล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้ คือ การนั่งแพ ชมทัศนียภาพและบรรยากาศโดยรอบ และถ้าโชคดีก็อาจจะได้กับดาราเด่นประจำอ่างเก็บน้ำนั่นก็คือหงส์ดำและหงส์ขาวอย่างละ 1 คู่ ซึ่งเป็นหงส์ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินี และไม่ควรพลาดก็คือการไปชม สวนปางอุ๋ง ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำการของโครงการพระราชดำริฯ ซึ่งจัดสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีพืชพรรณที่กลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศบนที่สูง เช่น อะโวคาโด พลับ สาลี่ บ๊วย มีการตกแต่งสวนไม้ ดอกไม้ประดับเมืองหนาว เช่น กุหลาบ ไฮเดรนเยีย พวงแสด อีกทั้งยังมีการพยายามนำพืชและสัตว์ประจำถิ่นของพื้นที่ปางอุ๋งกลับมา เช่น เอื้องแซะและกล้วยไม้ต่างๆ และสัตว์อย่างเขียดแลว เป็นต้น
ด้วยชื่อเสียงที่ร่ำลือกันเรื่องความงามของปางอุ๋ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมอย่างล้นหลาม แต่ภายในโครงการมีบ้านพักให้บริการจำกัด รองรับได้เพียงประมาณ 80 คน และลานกางเต็นท์อีกประมาณ 100 หลังเท่านั้น และเพื่อให้ผู้ที่ขึ้นไปชมสถานที่แห่งนี้ได้รับความประทับใจและเกิดผลกระทบ กับแหล่งท่องเที่ยวน้อยที่สุด จึงได้มีการกำหนดวิธีการขึ้นไปชมด้วยการรับคูปองการเข้าชมได้ที่ ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน เริ่มเดือนตุลาคม 2551 เป็นต้นไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น