ธรรมชาติที่สวยงาม

ปฏิทินของหนูเองค่ะ

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

ชมธรรมชาติ ณ ขุนแม่ยะ ชมดอกซากุระดอย


ขุนแม่ยะ ชมดอกซากุระดอย
ดอยขุนแม่ยะ เป็นพื้นที่ในความดูแลของหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ เป็นหน่วยงานภาคสนามในสังกัดส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม โดยในปี พ.ศ.2518 จัดตั้งหน่วยงานเป็นเป็นโครงการหลวงพัฒนาต้นน้ำที่ 4 (แมจอกหลวง) ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงชื่อหน่วยงานเป็นหน่วยพัฒนาต้นน้ำที่ 4 (แม่จอกหลวง) , หน่วยจัดการต้นน้ำแม่จอกหลวง และหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะในปัจจุบันตามลำดับ ที่ทำการหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่น้ำตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณที่ตั้งที่ทำการอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,300 เมตร พื้นที่รับผิดชอบรวมทั้งสิ้น 87,500 ไร่ หรือ 120 ตารางกิโลเมตร

ดอยขุนแม่ยะ ดอยสีชมพู ดงดอกซากุระดอย ดงนางพญาเสือโคร่ง หลากหลายชื่อเรียก เพื่อให้เห็นภาพดอยขุนแม่ยะได้ชัดเจน เพราะช่วงเวลาหนึ่งในฤดูหนาว พื้นที่หลายส่วนของดอยนี้จะเป็นสีชมพู เมื่อดอกนางพญาเสือโคร่ง บานพร้อมๆกันไปทั่วดอย ต้นนางพญาเสือโคร่งนี้เป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้หลัก ที่ใช้ปลูกลงในโครงการอนุรักษ์ต้นน้ำ ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของพระบรมราชินีนาถ และเริ่มนำต้นนางพญาเสือโคร่งมาปลูกที่นี่ตั้งแต่ปี 2523 บริเวณบ้านพักด้านบนยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งที่สมเด็จพระพี่นางทรงปลูก ตั้งแต่ปี 2523 มีบริเวณหลายจุดที่เราสามารถเดินเที่ยวชมดงซากุระดอย กันอย่างจุใจ พร้อมกับบรรยากาศอันเงียบสงบ และยังมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์พักค้างแรมใต้ต้นซากุระอันสวยงามอ่อนหวาน ทำให้เป็นบรรยากาศที่ดีสำหรับการพักค้างแรมในพื้นที่แห่งนี้ และนักท่องเที่ยวยังสามารถไปเที่ยวต่อกันที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังซึ่ง อยู่บริเวณใกล้เคียงกันได้อีกด้วย นอกจากต้นนางพญาเสือโคร่งแล้ว ยังมีต้นกำลังเสือโคร่ง ต้นเมเปิล และต้นสนสามใบปลูกสลับกับไม้ท้องถิ่น เป็นแนวเขาสวยงามมาก

“นางพญาเสือโคร่ง” ซึ่งเป็นต้นไม้ที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับต้นซากุระของประเทศญี่ปุ่น คือ วงศ์กุหลาบ (Rosaceae) โดยนางพญาเสือโคร่งอยู่ในสกุล Prunus เช่นเดียวกับต้นเชอรี่ แอปริคอต พลัม แอปเปิลท้อ และสาลี่ ซึ่งเป็นพรรณไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น ต้นนางพญาเสือโคร่งนี้มักพบอยู่ตามไหล่เขาหรือบนสันเขา บริเวณเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป ซึ่งจะมีอากาศหนาวเย็น ในช่วงก่อนที่ต้นนางพญาเสือโคร่งจะออกดอกนั้น ดูราวกับต้นไม้ใกล้ตาย เพราะมันจะทิ้งใบจนหมดต้น เหลือแต่กิ่งเปล่าๆ เท่านั้น แต่หลังจากที่ดูโกร๋นไปทั้งต้นแล้ว นางพญาเสือโคร่งก็จะผลิดอกออกโดยจะออกเป็นช่อกระจุกตามปลายกิ่ง ให้สีสันชมพูดูสดใส โดยเฉพาะยามที่บานเต็มต้นนั้นจะดูปานประหนึ่งพรมสีชมพูปกคลุมไปทั่วพื้นที่ แลดูสวยงามเป็นที่น่าหลงใหลของผู้ที่ได้พบเห็น ส่วนใหญ่แล้ว นางพญาเสือโคร่งจะออกดอกในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ช้าหรือเร็วไปบ้างก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละปี

ชมธรรมชาติ ณ ปางอุ๋ง


ปางอุ๋ง หมู่บ้านรวมไทย โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)
มีคำอธิบายถึงที่มาของชื่อ “ปางอุ๋ง” ไว้ว่า “ปาง” หมายถึงที่พักของคนทำงานในป่า ส่วน “อุ๋ง” นั้นเป็นภาษาเหนือหมายถึงที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่มีน้ำขัง ก็น่าจะหมายถึงที่พักริมอ่างเก็บน้ำนี่เอง และที่สร้างชื่อให้ที่นี้โด่งดังไปทั่ว ก็ด้วยบรรยากาศที่สวยงามจับใจ โดยเฉพาะบรรยากาศของอ่างเก็บน้ำธรรมชาติอันกว้างใหญ่ปานประหนึ่งทะเลสาบ ย่อมๆ ขนาบข้างไปด้วยขุนเขา ภาพเงาสะท้อนของขุนเขาและป่าสนที่ได้เห็นจากอ่างเก็บน้ำนั้นไม่ว่าดูในช่วงเวลาไหนก็สวย และถ้าเป็นช่วงเช้ายามหน้าหนาว ที่นี่จะถูกปกคลุมด้วยสายหมอกไปทั่ว และที่ลอยอ้อยอิ่งเรี่ยผิวน้ำ ยิ่งเวลาที่พระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขาขึ้นมาแล้วสาดลำแสงทะลุหมอกผ่านเข้ามาในอ่างน้ำ อาบให้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งอ่างน้ำ ไอหมอก สายหมอกกลายเป็นสีทองนั้น สวยงามมากจนเกินบรรยาย
ก่อนหน้านั้นพื้นที่นี้เป็นป่าเสื่อมโทรม เนื่องจากเป็นสถานที่ทำไร่ฝิ่นของชาวเขา จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาเยือนในปี พ.ศ. 2522 พระองค์ท่านได้มีพระราชดำรัสให้จัดทำโครงการพระราชดำริขึ้น โดยอาศัยความสมัครใจของชาวบ้าน และให้ทหารเป็นผู้ดูแลเพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นชายแดน ปัจจุบันปลูกพรรณพืชดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสันโดยรอบและสมุนไพรที่เป็น ประโยชน์ในด้านอาหารและแพทย์แผนไทย ซึ่งมีความกลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศบนที่สูงและอากาศเย็น พร้อมบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์ประจำถิ่นซึ่งกำลังจะสูญพันธ์อย่างเขียดแลว เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติและความสงบเงียบ “ตอนนั้นมีผู้สมัครใจ 23ครัวเรือน เท่านั้น แต่ต่อๆมาเมื่อชาวบ้านเห็นเพื่อนบ้านที่เข้าร่วมโครงการไปได้ดีก็มาเข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น ส่วนโครงการปางอุ๋งนั้นเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2546 เพื่อให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมกับโครงการมากขึ้น ทั้งการเป็นผู้ดูและบ้านพัก ดูและสวน ขายกาแฟ สินค้าทางการเกษตร ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะมีคนนิยมมาเที่ยวกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวจะมีคนมาพักที่ปางอุ๋งกันเป็นจำนวนมาก"
นอกจากชมบรรยากาศของสายหมอกในยามเช้าที่ ปางอุ๋ง แล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้ คือ การนั่งแพ ชมทัศนียภาพและบรรยากาศโดยรอบ และถ้าโชคดีก็อาจจะได้กับดาราเด่นประจำอ่างเก็บน้ำนั่นก็คือหงส์ดำและหงส์ขาวอย่างละ 1 คู่ ซึ่งเป็นหงส์ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินี และไม่ควรพลาดก็คือการไปชม สวนปางอุ๋ง ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำการของโครงการพระราชดำริฯ ซึ่งจัดสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีพืชพรรณที่กลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศบนที่สูง เช่น อะโวคาโด พลับ สาลี่ บ๊วย มีการตกแต่งสวนไม้ ดอกไม้ประดับเมืองหนาว เช่น กุหลาบ ไฮเดรนเยีย พวงแสด อีกทั้งยังมีการพยายามนำพืชและสัตว์ประจำถิ่นของพื้นที่ปางอุ๋งกลับมา เช่น เอื้องแซะและกล้วยไม้ต่างๆ และสัตว์อย่างเขียดแลว เป็นต้น
ด้วยชื่อเสียงที่ร่ำลือกันเรื่องความงามของปางอุ๋ง ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมอย่างล้นหลาม แต่ภายในโครงการมีบ้านพักให้บริการจำกัด รองรับได้เพียงประมาณ 80 คน และลานกางเต็นท์อีกประมาณ 100 หลังเท่านั้น และเพื่อให้ผู้ที่ขึ้นไปชมสถานที่แห่งนี้ได้รับความประทับใจและเกิดผลกระทบ กับแหล่งท่องเที่ยวน้อยที่สุด จึงได้มีการกำหนดวิธีการขึ้นไปชมด้วยการรับคูปองการเข้าชมได้ที่ ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน เริ่มเดือนตุลาคม 2551 เป็นต้นไป