ธรรมชาติที่สวยงาม

ปฏิทินของหนูเองค่ะ

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา, เชียงใหม่



อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา
มีน้ำตกให้เที่ยวหลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่เส้นทางยังไม่สะดวกนัก เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างพัฒนาพื้นที่ น้ำตกที่เดินทางเข้าถึงสะดวกที่สุดคือ น้ำตกห้วยทรายขาว ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับที่ตั้งที่ทำการอุทยานฯ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีแอ่งน้ำให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำได้แต่ในช่วงฤดูแล้งน้ำจะน้อยมาก จะมีน้ำเยอะช่วงเดือนพฤษภาคมแต่น้ำจะขุ่น น้ำจะใสช่วงหลังฝน ชั้นบนของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำและมีทรายอยู่เนื่องจากน้ำพัดเอาทราย มาจากการกัดกร่อนของหินทราย ชั้นบน อากาศบริเวณน้ำตกชื้นจนทำให้มีมอสจับอยู่ มีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆในอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกแม่ฝางหลวง น้ำตกดอยเวียงผา น้ำตกห้วยหาน และจุดชมวิวดอยเวียงผา อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผามีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 583 ตารางกิโลเมตร สภาพป่าในพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นป่าดิบเขาและป่าเบญจพรรณ นอกจากนี้ยังมีป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าสนเขา นกที่พบ เช่น นกกินปลี และนกพญาไฟ สัตว์ป่าที่พบส่วนใหญ่จะเป็นขนาดกลางและสัตว์ขนาดเล็ก ได้แก่ กระรอก กระต่าย หมูป่า อีเห็น เก้ง เลียงผา เสือไฟ เม่น หมีควาย เป็นต้น

ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง, ลำพูน



เดิมชื่อว่าอุทยานแห่งชาติแม่หาด-แม่ก้อ ได้ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 มีพื้นที่ 1,003 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิงตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยไปตามทางหลวงหมายเลข 106 (สายลำพูน-ลี้) บริเวณกิโลเมตรที่ 47 แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 1087 ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ก็ถึงที่ทำการอุทยานฯ

ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง มีพื้นที่บางส่วนเป็นลำน้ำปิงซึ่งยาวประมาณ 100 กิโลเมตร และสองฝั่งแม่น้ำเป็นเกาะแก่ง หน้าผา หินงอก หินย้อย การเดินทางท่องเที่ยวลำน้ำปิงสามารถเริ่มจากอ่างเก็บน้ำดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่โดยใช้เรือหางยาว แล้วมาต่อแพที่แก่งสร้อย ล่องมาจนถึงเขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ในทางกลับกันอาจจะเช่าเรือหรือแพจากเขื่อนภูมิพลล่องขึ้นไปก็ได้

สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ

ถ้ำยางวี
เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และมีค้างคาวอาศัยอยู่ การเดินทางเข้าไปชมต้องใช้ไฟฉายหรือคนถือไฟนำทางเข้าไป ไม่ไกลจากบริเวณถ้ำยางวีจะมีป่าที่มีลักษณะเป็นป่าสนเขาเรียกว่า “ป่าพระบาทยางวี” มีธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม

ทุ่งกิ๊ก-ทุ่งนางู
อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 15 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติกว้างใหญ่ อยู่ทางทิศตะวันออกของอุทยานฯ เป็นที่ราบเนินเขาปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าสลับป่าเต็งรัง มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำพวกเก้ง กวาง กระต่าย และไก่ป่าชนิดต่างๆ

น้ำตกก้อหลวง
อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 20 กิโลเมตร และเดินเท้าอีก 500 เมตร เป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำน้ำในห้วยแม่ก้อ ไหลผ่านหินดินดานเทาดำและหินทรายของหน้าผาที่มีความสูงต่างระดับลดหลั่นกันลงมาทั้งหมด 7 ชั้น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นหินปูน จึงทำให้บริเวณน้ำตกมีหินงอกหินย้อยมากมาย และยังมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีปลาอาศัยอยู่มากมาย

แก่งก้อ
อยู่ในเขตบ้านก้อจัดสรร หมู่ 4 ตำบลก้อ จากที่ทำการอุทยานฯ ไปเป็นระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ภายในบริเวณเป็นอ่างเก็บน้ำที่มีทิวทัศน์สวยงาม ทางอุทยานฯ ได้จัดตั้งที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่า (หน่วยที่ 2) นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมภูมิประเทศและสถานที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย เช่น น้ำตกอุมแป น้ำตกอุมปาด เกาะคู่สร้างคู่สม ผาเต่า ผาพระนอน ผาคันเบ็ด แก่งสร้อย (ตำนานเล่าว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเมืองสร้อยซึ่งอายุกว่า 800 ปี มีเจ้าเมืองปกครองสืบต่อกันมาหลายยุคสมัยและมีพญาอุดมเป็นผู้ปกครองเมืองคนสุดท้าย จากนั้นเมืองสร้อยก็จมอยู่ในท้องน้ำ ยังคงมีซากกำแพงเก่าให้เห็นอยู่ ส่วนเจดีย์ชำรุดตามกาลสมัย โดยนักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือจากแพท่าน้ำก้อไปทางซ้าย ไปทางเขื่อนภูมิพล ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จะเห็นเจดีย์สีขาวเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเกาะ ) ถ้ำแก่งสร้อย พระธาตุแก่งสร้อย พระบาทบ่อลม เขื่อนภูมิพล เป็นต้น

ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติ ออบหลวง, เชียงใหม่



อุทยานแห่งชาติ ออบหลวง, เชียงใหม่
อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ตามทางหลวงหมายเลข 108 สายฮอด-แม่สะเรียง ตรงหลักกม.ที่ 17 รวมระยะทางประมาณ 105 กม. ถนนเป็นถนนลาดยางอย่างดี และช่วงระหว่างฮอดถึงออบหลวงนั้น ถนนจะเลียบขนานไปกับแม่น้ำแม่แจ่มหรือแม่น้ำสลักหิน และวกไปเวียนมาตามไหล่เขา ลักษณะทั่วไป ออบหลวงเป็นสถานที่น่าเที่ยวที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ความสวยงาม และความน่ากลัวไว้ในจุดเดียวกัน กล่าวคือ เบื้องล่างเป็นแม่น้ำสลักหิน ที่ไหลคดเคี้ยวผ่านช่องเขาขาด ตรงออบหลวงช่องเขานี้มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน และแคบมากบีบทางน้ำไหล ดังนั้นแม่น้ำตรงนี้จึงเชี่ยวจัด เสียงน้ำกระทบหน้าผาดังสนั่นแต่รอบ ๆ บริเวณชายน้ำด้านเหนืองดงามไปด้วยหมู่ไม้น้อยใหญ่ ร่มรื่นอยู่ตลอดเวลาชั่วนาตาปี ยังมีสะพานเชื่อมช่องเขาขาด สำหรับนักท่องเที่ยวยืนชมความงดงามแห่งทัศนียภาพของออบหลวง นอกจากนั้นภายในบริเวณอุทยานฯ ยังมีการขุดค้นพบแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ด้วย

หน่วยพัฒนาต้นน้ำหน่วยที่ 6 (แม่โถ)
ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 160 กม. อยู่ ต.บ่อสลี อ.ฮอด ตามเส้นทางสายฮอด-แม่สะเรียง ถึง กม.ที่ 55 แล้วแยกเข้าเส้นทางไปแม่โถอีก 16 กม. สถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ บ่อน้ำแร่ (ตรงทางแยกเข้า อำเภอแม่แจ่ม) สวนสนบ่อแก้ว (กม.ที่ 36) หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) และกะเหรี่ยง ทัศนียภาพโดยรอบ และแปลงทดลองปลูกไม้ดอกเมืองหนาว ฯลฯ

ทะเลสาบดอยเต่า
ดอยเต่าเป็นอำเภอของเชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองไปตามถนนเชียงใหม่-ฮอด-ดอยเต่า ระยะทางประมาณ 133 กม. ที่ดอยเต่ามีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ซึ่งอยู่เหนือเขื่อนภูมิพล เคยใช้ในการเกษตรกรรมด้านการประมง ในบริเวณอ่างเก็บน้ำ มีบริการแพพักและเรือนำเที่ยว ซึ่งนำชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตกอุ่มแป๋ ผาวิ่งชู พระธาตุดอยเกิ้ง ฯลฯ (สถานที่เหล่านี้ ชมได้ทางเรือเท่านั้น) ค่าเช่าเรือหางยาวประมาณ 800-1,000 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 วัน นอกจากนี้ยังมีเรือนำเที่ยวจากเขื่อนภูมิพล มายังอ่างเก็บน้ำดอยเต่า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำว่าจะมากพอหรือไม่ รายละเอียดติดต่อ บริษัท ท่องนที จำกัด โทร 457-6873-4, 457-3428

ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน



สิมิลัน เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า “เก้า” จึงมีชื่อเรียกกันว่า หมู่เกาะสิมิลัน หรือ หมู่เกาะเก้า ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อย 9 เกาะด้วยกัน เกาะทั้งเก้าเรียงตัวตามแนวทิศเหนือไปทิศใต้ ได้แก่ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมี่ยง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง


หมู่เกาะสิมิลัน ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2525 ครอบคลุมพื้นที่เกาะและห้วยน้ำทะเลรอบเกาะที่มีปะการังสมบูรณ์ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จงหวัดพังงา เป็นเนื้อที่ประมาณ 128 ตาราง กิโลเมตร (80,000 ไร่) พื้นที่เกาะซึ่งเป็นแผ่นดินมีประมาณ 14 ตารางกิโลเมตร ชายฝั่งทะเลในบริเวณหมู่เกาะสิมิลัน เป็นส่วนภาคตะวันออกของทะเลอันดามัน ในมหาสมุทรอินเดีย ที่มีการลดตัวลงของพื้นทะเล (submergent shoreline) จึงมีการกัดเซาะพังทลายโดยมีน้ำทะเลเป็นตัวกระทำอย่างรุนแรง ทำให้บริเวณเกาะทั้ง 9 เกาะ

ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

ป่าน้ำหนาวแห่งเทือกเขาเพชรบูรณ์ เป็นเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูง ทอดยาวผ่านจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะภูผาจิต ภูกุ่ม ข้าวเทือกเขาโดยรอบประกอบขึ้นเป็นต้นน้ำลำธาร ต้นกำหนิดของลำธารสายยาว เช่น แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำพอง แม่น้ำเลย ห้วยขอนแก่น ห้วยน้ำเชิญ ซึ่งไหลลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนจุฬาภรณ์ เป็นผืนป่าที่มีความงดงามเหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวยิ่ง
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
เริ่มจากถ้ำผาหงษ์ อยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 39 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลขที่ 12 (หล่มสัก-ชุมแพ) เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์และชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามสำหรับคนที่ชอบป่าสน สวนสนบ้านแปก ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 49 ระยะทางเดินเท้าประมาณ 2 กิโลเมตร ก็เป็นเส้นทางเดินป่าที่น่าสนใจยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีสวนสนภูกุ่มข้าว ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 53 มีทางลูกรังแยกเข้าถึงสวนสนภูกุ่มข้าว ระยะทาง 15 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นป่าสนสามใบ งามมาก บริเวณสวนสนนี้ จะมีเนินเขาเตี้ย ๆ ลูกหนึ่งเรียกว่า “ภูกุ่มข้าว” สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 880 เมตร เป็นเนินเขาที่เป็นจุดเด่นจุดหนึ่งท่ามกลางสวนสน เมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนเนินเขาภูกุ่มข้าว จะเห็นแนวยอดสนอยู่ระดับสายตา สามารถมองเห็นแนวยอดสนเป็นแนว สำหรับคนที่ชื่นชอบน้ำตก ก็มีน้ำตกเหวทรายและน้ำตกทรายทอง ซึ่งอยู่ริมทางบริเวณกิโลเมตรที่ 67 ระยะทางเดินเท้า 1 กิโลเมตร ให้เที่ยวชมกัน ส่วนคนที่ชอบเที่ยวถ้ำ ถ้ำใหญ่น้ำหนาว (ภูน้ำริน) ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 60 ทางหลวงสายบ้านห้วยสนามทราย-หล่มเก่า บ้านหินลาด ก็เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความวิจิตรงดงามด้วยหินงอกหินย้อย และที่แปลกที่สุดคือมีน้ำไหล หรือน้ำรินออกจากปากถ้ำ ภายในถ้ำยังเป็นที่อาศัยของค้างคาวจำนวนนับแสนตัวอีกด้วย ความลึกของตัวถ้ำนั้นไม่มีใครทราบแน่ชัด เนื่องจากเป็นถ้ำที่มีความลึกมาก


ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย



อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอแม่ริม อำเภอหางดง และอำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยป่าที่อุดมสมบูรณ์ ภูเขาที่สูงสลับซับซ้อน ที่สำคัญได้แก่ ดอยสุเทพ ดอยบวกห้า และดอยปุย เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธาร มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญอีก 2 แห่ง คือ วัดพระธาตุดอยสุเทพ-ปุย และพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีเนื้อที่ประมาณ 262.50 ตร.กม. หรือ 163,162.50 ไร่
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 บริเวณใกล้ดอยบวกห้า ลักษณะเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทย ภายในบริเวณพระตำหนักได้รักษาสภาพธรรมชาติไว้ รวมทั้งมีการปลูกพรรณไม้ดอกชนิดต่าง ๆ ไว้อย่างสวยงาม พระตำหนักนี้อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร เปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะในวันศุกร์และวันหยุดราชการเท่านั้น ถัดลงมาจากพระตำหนัก เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยสุเทพ อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีประชาชนนิยมขึ้นไปนมัสการพระธาตุตลอดทั้งปี นอกจากนี้ น้ำตกศรีสังวาลย์ น้ำตกมหิดล น้ำตกตาดหมอกวังฮาง และน้ำตกตาดหมอกฟ้า นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ได้แก่ ผาเงิบ ผาลาด ผาดำ ยอดดอยปุย และหมู่บ้านชาวเขา

ธรรมชาติ ณ ดอยภูคา



ภูมิประเทศ
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา มีเนื้อที่กว่า 1 ล้านไร่ อยู่ในเขต จ.น่าน บริเวณเทือกเขาดอยภูคา ยอดดอยภูคาคือสัญลักษณ์ของจังหวัดน่าน สูงถึง 1,980 เมตร จากระดับน้ำทะเล ด้วยความสูงและเป็นป่าอันอุดมสมบูรณ์นี่เอง ในบริเวณจึงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุม อีกทั้งเป็นต้นกำเหนิดแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำน่าน ลำน้ำปัว ลำน้ำว้า มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่แสนบริสุทธ์มากมายที่น้อยคนนักจะรู้จัก เช่น น้ำตกภูฟ้า ยอดดอยภูคา ชมพูภูคา น้ำตกศิลาเพชร ถ้ำผาเก้า เต่าร้างยักษ์(ปาล์มดึกดำบรรพ์) บ่อเกลือ และจุดชมวิวหลายแห่ง

สภาพภูมิอากาศ
โดยทั่วไปที่อุทยานฯดอยภูคามี 3 ฤดู คือ ฤดูฝน ตั้งแต่ พฤษภาคม - ตุลาคม; ฤดูหนาว ตั้งแต่ พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์; ฤดูร้อนเป็นช่วงสั้นๆ ตั้งแต่ มีนาคม - เมษายน

ลักษณะพรรณพืช
ป่าดอยภูคา คือ แหล่งรวมหลายชนิดของป่า เช่น ป่าดงดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง
ต้นชมพูภูคา เป็นพรรณไม้หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ ในประเทศไทยจะพบได้ที่นี่เพียงแห่งเดียว ต้นชมพูภูคาเป็นไม้ขนาดใหญ่ ในป่าดงดิบเขาที่เวลาออกดอก ดอกจะมีความสวยงามกว่าดอกไม้ในป่าดงดิบเขาชนิดอื่นๆ
เต่าร้างยักษ์ เป็นปาล์มพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบ เป็นแห่งแรกหายาก และใกล้จะสูญพันธุ์ ชึ้นกระจัดกระจาย บนเทือกเขาหลวงพระบางระดับสูง (บริเวณดอยภูคาจังหวัดน่าน) เพียงแห่งเดียวและคาดว่ายังหลงเหลือบ้าง ในป่าดิบเขาที่ยังไม่ถูกรบกวนมากในฝั่งลาวของเทือกเขาหลวงพระบาง ต้นเต่าร้างยักษ์จะขึ้นตามไหล่เขาที่ลาดชัน
ต้นเมเปิ้ล ที่พบที่นี่จะแตกต่างจากต้นเมเปิ้ลที่อื่น คือ มีใบ 5 แฉก เมเปิ้ลที่พบที่อื่นจะมีใบ 3 แฉก

ธรรมชาติ ณ ดอยอ่างขาง เชียงใหม่


ดอยอ่างขาง เป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งมีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน โดยมุ่งที่หาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่นของชาวเขา และทำการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง โดยมีชาวเขาเผ่าต่างๆ ได้แก่ เผ่ามูเซอดำ ปะหล่อง จีนฮ่อ และไทยใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว ได้แก่ ท้อ บ๊วย พลัม ฯลฯ พืชผักเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ เช่น แคร์รอท ผักสลัดต่างๆ สวนสมุนไพร แปลงดอกไม้ เช่น คาร์เนชั่น กุหลาย แอสเตอร์ เบญจมาศ ฯลฯ โรงบรรจุผลไม้เพื่อส่งจำหน่ายและสหกรณ์ของโครงการ ซึ่งจำหน่ายผลิตผลที่ปลูกในบริเวณโครงการให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล


ดอยอ่างขาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขตพื้นที่ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือ 137 กม. แยกซ้ายเข้าไปอีก 25 กม. ดอยอ่างขางเป็นเทือกดอยสูงติดกับสันเขาพรมแดนประเทศพม่า จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวไปเยือนดอยอ่างขางคือการไปเที่ยวชมดอกไม้เมืองหนาวภายโครงการฯ สถานีเกษตรดอยอ่างขางได้รับการจัดตั้งเมื่อปี 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อวิจัยพืชเมืองหนาวเพื่อส่งเสริมให้ชาวเขาปลูกทดแทนฝิ่นและหยุดการทำลายป่า ดอยอ่างขางมีลักษณะเป็นแอ่งที่ราบในหุบเขาลักษณะเหมือนท้องกะทะหรือเหมือนอ่าง อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,400 เมตร ภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาก เช่น แปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง แปลงปลูกไม้ในร่ม แปลงทดลองกุหลาบ แปลงปลูกผัก แปลงปลูกผักในร่ม สวนท้อ สวนบ๊วย ป่าซากุระ ป่าเมเปิ้ล พระตำหนักอ่างขางการเดินทางจากเชียงใหม่ ใช้เส้นทางสาย 107 เชียงใหม่-ฝาง เป็นเส้นทางผ่านแม่ริม แม่แตง เชียงดาว ทางแยกเข้าดอยอ่างขางมี 2 เส้นทาง คือ แยกซ้ายที่ กม.79 เป็นเส้นทางใหม่ที่ไม่ชันมากแต่ทางจะเปลี่ยวหน่อย ระยะทางจากแยกทางหลวงสาย 107 ไปจนถึงอ่างขางมีระยะทางประมาณ 50 กม. อีกเส้นทางคือแยกที่ กม.137 มีระยะทางถึงอ่างขางประมาณ 25 กม. เป็นเส้นทางที่สั้นแต่ชันมาก รถเก๋งและรถทุกชนิดขึ้นได้ถ้าคนขับมีฝีมือ ถ้าไม่แน่ใจให้จอดรถไว้ที่วัดที่ปากทาง กม.137 หรือจอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดรถเอกชนมีรั้วมิดชิด สถานที่รับจอดรถอยู่ตรงข้ามกับปากทางเข้าดอยอ่างขาง ค่ารถจอดคันละ 50 บาท แล้วนั่งรถสอง



ธรรมชาติ ณ เขาใหญ่


เขาใหญ่นับเป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนหลายลูก และเป็นป่าที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นป่าดงดิบชื้น และมีพืชพรรณที่หลากหลายและมีน้ำตกมากกว่า 20 แห่ง เส้นทางเดินป่าบนเขาใหญ่ก็มีถึง 13 เส้นทาง ด้วยกัน แต่ว่าแต่ละเส้นทางก็มีความยากง่าย ระยะทางและเวลาการเดินทางที่ต่างกันด้วย แต่ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทางครับ สำหรับนักเดินป่ามือใหม่ ท่านสามารถติดต่อกับทางอุทยานเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำทางได้
เมื่อเดินทางขึ้นเขาใหญ่แล้ว เราจะได้พบกับธรรมชาติที่สัมผัสได้จริงสีเขียวชอุ่มของพืชพรรณนานาชนิด หลายคนอาจคิดว่าการมาเที่ยวป่าคงไม่มีอะไรไปมากกว่าการดูต้นไม้ใบหญ้า แต่ถ้าลองได้สังเกตคุณก็จะได้พบกับ ต้นไม้บางชนิดที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน ความสดใสของพืชพันธุ์ต่างๆ สายหมอกยามเช้า ดอกไม้ป่านานาชนิด บางชนิดออกดอกเฉพาะหน้าหนาวนี้เท่านั้น เสียงนกร้องก้องไพร สายน้ำตกที่หลั่งไหลกระแทกก้อนหิน เนื่องจากเขาใหญ่เป็นป่าดงดิบชื้นส่วนใหญ่ จึงมีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ตลอดปี แม้ฤดูหนาวนี้

จุดชมวิวบนเขาใหญ่ก็มีด้วยกันหลายจุด เช่น จุดชมวิวโป่งช้าง และบริเวณทุ่งหญ้ามอสิงโตซึ่งทุ่งหญ้ามอสิงโตนี้จะสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำได้ชัดเจน โดยบริเวณจุดชมวิวแต่ละที่ก็สามารถเดินทางโดยเส้นทางเดินป่าและสามารถใช้ถนนโดยขับรถขึ้นไปก็ได้
หากโชคดีคุณอาจเจอช้างป่าออกมาเดินริมถนน เหมือนผม แต่ที่สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีก็คือน้ำตกบนเขาใหญ่ ที่ใครได้เห็นก็มีแต่ความประทับใจกับความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น น้ำตกบางแห่งสามารถเข้าชมได้ง่าย เพราะมีเส้นทางเดินเข้าไปถึง ได้แก่ น้ำตกเหวสุวัต ที่เป็นที่นิยมมาก น้ำตกเหวไทร น้ำตกเหวประทุน น้ำตกกองแก้ว น้ำตกเหวนรก และ เหวอีอ่ำ ซึ่งหลายคนรู้จักกันดีจากข่าวเมื่อหลายปีก่อน
นอกจากการเดินป่าชมวิว ชมน้ำตกแล้ว การขี่จักรยานเมาน์เทนไบค์ก็กำลังได้รับความนิยมมาก เพราะท่านสามารถชมธรรมชาติที่สวยงามไปพร้อมกับการออกกำลังกายคู่กันด้วย อีกกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กันในตอนนี้ก็คือการส่องสัตว์เวลากลางคืน เพราะสัตว์ป่าบางชนิดก็ออกหากินเวลากลางคืน เช่น กวาง และช้าง แต่กิจกรรมนี้ต้องติดต่อกับทางอุทยานนะคะเพราะว่าไปเองคงไม่ดีแน่ และทางอุทยานคงไม่ให้เดินทางเอง
เรื่องที่พักอาหารการกินก็ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าใครสะดวกที่จะกางเต็นท์นอนอยู่กันแบบลุย ๆ ทางอุทยานมีบริเวณไว้สำหรับนักท่องเที่ยวจะกางเต็นท์นอนกัน แต่ถ้าใครไม่ชอบลุยอยากพักแบบสบาย ๆ ก็ขอแนะนำให้พักที่รีสอร์ท บริเวณเชิงเขาซึ่ง บนถนนธนะรัตน์



ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์, เชียงใหม่


ดอยอินทนนท์มีชื่อว่า เป็นดอยภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ ในเขตพื้นที่ อำเภอจอมทอง อำเภอสันป่าตอง และอำเภอแม่แจ่ม มีเนื้อที่ทั้งหมด 301,500 ไร่ ประกาศเป็น อุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ ประมาณ 106 กม. โดยเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่ - จอมทอง ถึงหลักกม.ที่ 57 ก่อนถึงอำเภอจอมทอง 1 กม. แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48 กม. ถึงยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ค่อนข้างสูงชัน ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว รถจะต้องมีสภาพดี ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถเช่ารถสองแถวที่น้ำตกแม่กลางได้ ส่วนการนำรถขึ้นไปเองนั้น จะต้องเสียค่าผ่านทาง ตรงด่านตรวจและจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียมบริเวณหลักกม.ที่ 8 ทางอุทยานฯ มีที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยว สนใจติดต่อจองล่วงหน้าที่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร.579-5734, 579-7223

ยอดดอยอินทนนท์
เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 2,599 เมตร มีสภาพอากาศ หนาวเย็นตลอดปี ในพื้นที่บริเวณี่นี้มี "อ่างกาหลวง" เป็นหนองน้ำซับในหุบเขาซึ่งพบต้นข้าวตอกฤาษีขึ้นตาม พื้นดินและคาคบไม้มีสีสันสวยงาม รวมทั้งพืชพันธุ์ไม้หายากหลายชนิด เช่น กุหลาบพันปี ซึ่งจะออกดอกใน ช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ทุกปี นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ อดีตเจ้าเมืองเชียงใหม่ ่และเป็นที่ตั้งของสถานีเรด้าของกองทัพอากาศไทย